ผบช.ภ7 แถลงจับเครือข่ายลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณทรู 6รายค่าความเสียหายกว่า24ล.

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 แถลงผลการจับเครือข่ายลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ บ.ทรู คอร์ปอเรชั่น จก.(มหาชน) ในพื้นที่ตำรวจภาค7ว่า ในห้วงตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 – 8 มกราคม 2568 เกิดเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 12 คดี ประกอบด้วยพื้นที่ จังหวัดนครปฐม จำนวน 4 คดี จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 7 คดี และ จังหวัดราชบุรี จำนวน 1 คดี

โดยเมื่อวันที่ 2 – 3 มมกราคมได้เกิดเหตุลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.โพธิ์แก้ว ต่อมาวันที่ 8 มกราคมฝ่ายสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งจับกุมตัว นายคณิน หรือนิน สงวนนามสกุล นายวิวัฒน์ หรือแม๊ก สงวนนามสกุล และนายรพีพัฒน์ หรือไนซ์ สงวนนามสกุล พร้อมด้วยของกลางอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ BASEBAND จำนวน 4 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ชุดที่สวมใส่ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุ ต่อมากองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 (กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.7) ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า       เมื่อวันที่ 1 มกราคมนายคณินฯ และนายรพีพัฒน์ฯ ยังได้ก่อเหตุลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่สภ.สามควายเผือกด้วย โดยมีนายเอกภพฯ เป็นหัวหน้าเครือข่ายลักทรัพย์ในขบวนการนี้ พนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดนครปฐมได้อนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1ฯ ได้จับกุมตัวนายเอกภพฯ พร้อมด้วยของกลางชุดที่สวมใส่ในการก่อเหตุ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนทราบว่านายเอกภพฯ เคยเป็นอดีตพนักงานรับจ้างติดตั้ง และรื้อถอนเสาสัญญาณโทรศัพท์ โดยได้ก่อเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์พร้อมกับนายคณินฯ นายรพีพัฒน์ฯ และนายวิวัฒน์ฯ มาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย.67 จนกระทั่งครั้งล่าสุดก่อเหตุลักทรัพย์เมื่อวันที่ 2 มกราคมทุกครั้งที่ก่อเหตุ นายเอกภพฯ จะส่งพิกัดที่ตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่จะเข้าไปลักให้กับนายคณินฯ นายรพีพัฒน์ฯ และนายวิวัฒน์ฯ เพื่อเข้าไปก่อเหตุลักอุปกรณ์ประจำ   เสาสัญญาณโทรศัพท์ จากนั้นจะนำทรัพย์ที่ได้จากการก่อเหตุ ส่งต่อให้กับผู้รับซื้อ ผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน Lalamove   มีพิกัดผู้รับปลายทางอยู่ในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี โดยมี น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ เป็นคนชำระค่าจัดส่งดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้รับซื้ออุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ต่อจาก นายเอกภพฯ คือ นายการุณฯวันที่ 10 มกราคมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1ฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อเข้าทำการตรวจค้นบ้านของนายการุณฯ ในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจยึดอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ พบตัวนายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และตรวจพบอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน    19 ชิ้น อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวด้วย จึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบ ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครปฐม   ศาลจังหวัดนครปฐมได้อนุมัติหมายจับ       นายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร” จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลาง และนายการุณฯ ให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวมาจริง และ       ทำการเช่าโกดังไม่มีเลขที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี ไว้อีกที่หนึ่ง เพื่อเก็บรักษาอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่รับซื้อมา ระหว่างรอจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อ ที่จะมารับซื้อต่อจากนายการุณฯ อีกทอดหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายการุณฯ ไปทำการตรวจค้นโกดังดังกล่าว พบอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ของ        บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 291 ชิ้น จึงตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ และได้นำตัว     นายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนจับกุมเครือข่ายลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่าจะมีผู้รับซื้อ  ชาวจีน มาซื้ออุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ต่อจากเครือข่ายที่ถูกจับกุม แล้วให้จัดส่งไปยังที่อยู่ปลายทางในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้ทำการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับเครือข่ายดังกล่าวต่อไป

ผบช.ภ.7 กล่าวและว่าผลการจับกุม 3 คดี มีผู้ต้องหา 6 คน ของกลางรวม 26 รายการ เฉพาะอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ 11 รายการ รวมทั้งสิ้น 31 รายการ มูลค่าความเสียหายประมาณ 24,300,000 บาท

ภาพ/ข่าว: ทวีพล นครปฐม

 

You missed